“อลหม่านหลังบ้านทรายทอง”: แหวกม่านอักษรสู่ละครซ้อนละคร
Story By Sorarat Jirabovornwisut
ละครเวที“อลหม่านหลังบ้านทรายทอง” แสดงครั้งแรกในปีพ.ศ.
2542
ที่โรงละครกรุงเทพฯจากนั้นก็เดินสายไปเล่นยังที่ต่างๆ อาทิโรงละครกาดเธียเตอร์
เชียงใหม่ศูนย์ประชุมกาญจนาภิเษก ขอนแก่น เป็นต้น
นำแสดงโดย จารุณี สุขสวัสดิ์, อัจฉราพรรณ ไพบูลย์สุวรรณ, พรชิตา
ณ สงขลา และนาเดีย นิมิตรวานิช
ได้รับความนิยมอย่างมากจนต้องนำกลับมาแสดงอีกครั้งในปี
พ.ศ. 2548 ที่โรงละคร Bangkok theatre อีจีวี
เมโทรโปลิส เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ โดยเปลี่ยนนักแสดงนำเป็นเข็มอัปสร สิริสุขะ,
นาเดีย นิมิตรวานิช และเซกิ
โอเซกินักแสดงสัญชาติญี่ปุ่นที่รับบทเป็นชายกลาง
ดารกา วงศ์ศิริ
ผู้เขียนบทละครเวทีเรื่อง “อลหม่านหลังบ้านทรายทอง”
ใช้วิธีการเล่าเรื่องแบบ “ละครซ้อนละคร” โดยได้รับอิทธิพลจากบทละครเรื่อง Noises
Off ของ Michael Frayn นักเขียนชาวอังกฤษซึ่งเป็นละครร่วมสมัยที่สนุกสนานและได้รับความนิยมมากจนมีผู้นำไปแสดงกันอย่างแพร่หลายทั้งในประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกา เนื้อหาของละครเรื่องนี้เกี่ยวกับเบื้องหน้าและเบื้องหลังของการแสดงละครเวทีในรูปแบบของละครซ้อนละครเช่นกัน 35
อลหม่านหลังบ้านทรายทอง cr : https://scontent-fbkk5-7.us-fbcdn.net/v1/t.1-48/1426l78O9684I4108ZPH0J4S8_842023153_K1DlXQOI5DHP/dskvvc.qpjhg.xmwo/p/data/156/156473-5-5419.jpg
บทละครเรื่อง “อลหม่านหลังบ้านทรายทอง”
เป็นการเล่าเรื่องเบื้องหลังการนำบทประพันธ์อมตะอย่าง
“บ้านทรายทอง” ของ
ก.สุรางคนางค์มาทำเป็นละครเวทีที่ต้องเผชิญปัญหาต่างๆนานาไม่ว่าจะเป็นงบประมาณที่จำกัดตลอดจนนิสัยใจคอของนักแสดงและทีมงาน เพื่อชี้ให้เห็นว่าเบื้องหลังของละครเวทีมิได้เป็นเพียงเบื้องหลังอย่างเดียวเท่านั้นหากแต่ยังเป็นเบื้องหน้าด้วย
การเขียนบทแบบละครซ้อนละครไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะรอยต่อของละครจริงกับละครในเรื่องที่ต้องเข้าๆออกๆสลับไปมานั้นถ้าเขียนได้ดีคนดูก็จะรู้สึกลื่นไหล
ดูแล้วไม่สะดุดอารมณ์ แต่ถ้าเขียนไม่ดีก็จะทำให้เบื่อหน่ายในขั้นตอนการสลับไปสลับมานั้นเอง
มีบทละครจำนวนมากที่จับเอาเบื้องหลังของละครมาทำเป็นเบื้องหน้าแต่ส่วนใหญ่มักจะละทิ้งไม่เอ่ยถึงเรื่องราวหรือภาพในเบื้องหน้าไปอย่างน่าเสียดาย นอกจากจุดเด่นของการเล่าเรื่องแบบละครซ้อนละครแล้วความขัดแย้งในตัวละครที่จะมาสวมบทในละครอีกทีก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ
“เลขา” ผู้ที่เล่นเป็นหม่อมแม่ราชนิกุลผู้สูงศักดิ์ตัวจริงกลับติดเหล้า
“นุชวดี”นางเอกสาวทรงเสน่ห์ที่เล่นเป็นพจมานผู้แสนดี ตัวจริงก็กลับเย่อหยิ่ง “สายน้ำ”
นางเอกเก่าที่เล่นเป็นหญิงใหญ่ตัวจริงก็กลับมารักกับ “ดอน”ที่เล่นเป็นพระเอก และ
“จุ๋ม” นางอิจฉาที่เล่นเป็นหญิงเล็กก็แอบไปเป็นเมียน้อยของสามี “เลขา” ที่เล่นเป็นหม่อมแม่
ผู้เขียนบทอาศัยเส้นอันขัดแย้งของตัวละครเหล่านี้ลากไขว้พาดกันไปมาสร้างความอลหม่านในเรื่องได้สมชื่อ
ดารกา วงศ์ศิริ พูดถึงการเล่าเรื่องในบทละครเรื่องนี้ว่า
ดารกา วงศ์ศิริ พูดถึงการเล่าเรื่องในบทละครเรื่องนี้ว่า
“ละครเรื่อง
“อลหม่านหลังบ้านทรายทอง”
ตั้งใจจะให้เป็นละครตลกในรูปแบบที่เรียกว่า
Farce คือไม่มุ่งไปที่ความคมคายของบทสนทนา การเล่นคำ
หรือการนำเสนอความคิดที่แหลมคม เสียดสีสังคมแต่จะเน้นความสนุกสนานของพล็อต
ลักษณะนิสัยของตัวละครและสถานการณ์ที่ลักลั่น สับสนวุ่นวายรวมทั้งใช้การเคลื่อนไหวและท่าทางของนักแสดงเป็นหลักโดยมีแก่นของเรื่องง่ายๆเพียงว่า
ละครก็เหมือนชีวิตจริง
ที่ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ต้องดำเนินต่อไปเหมือนอย่างที่เลขาตัวละครที่เป็นนักแสดงในเรื่องพูดเสมอว่า
‘The Show Must GoOn!’” 36
แม้ว่าการเล่าเรื่องในบทละครเรื่องนี้จะเล่าตามลำดับเวลาและเหตุการณ์อันถือเป็นสามัญลักษณะของเรื่องเล่าทั่วไปตามแบบฉบับของละครแนวตลกชวนหัวที่มีโครงเรื่องไม่ซับซ้อนสามารถเข้าใจเค้าโครงความเป็นไปของเรื่องราวได้ง่ายตั้งแต่เปิดเรื่องจนกระทั่งปิดเรื่องว่าต้องการให้เนื้อหาไปในทิศทางใดจนอาจเรียกได้ว่าเป็น ‘สูตรสำเร็จ’ ไม่ต่างจากละครพาฝันทั่วไปแต่ก็นับว่าน่าสนใจหากจะพิจารณาในแง่การตอบสนองทางอารมณ์ที่เน้นปฏิกิริยาของ
‘ผู้เสพสื่อ’ เป็นสำคัญ
ดารกา
วงศ์ศิริ ได้หยิบยกนวนิยายในความทรงจำของผู้คนที่แสนจะคุ้นเคยมาล้อเลียนกันอย่างมีศิลปะและรุ่มรวยอารมณ์ขันถือเป็นกระบวนการถอดรื้อความคิด
(Deconstruction)ซึ่งเป็นวิธีการที่กลุ่มนักวรรณกรรมแนวหลังสมัยใหม่
(Post-modernism) ถนัดเป็นพิเศษโดยอาศัยการถอดรหัสทางวัฒนธรรมในสังคมแห่งการทำงานในยุคทุนนิยมและบริโภคนิยมที่ละเมียดพอสมควรไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันกันในอาชีพนักแสดง
การปรับตัวในเชิงธุรกิจของผู้จัดละครรายย่อยตลอดจนค่านิยมเรื่องคู่ครองที่หมิ่นเหม่ในแง่ศีลธรรม
ในมุมมองของนักวรรณกรรมแนวโพสต์โมเดิร์น
เส้นพรมแดนระหว่างศิลปะที่เคยแยกจากกันระหว่างศิลปะชั้นสูง-ชั้นล่างหรือศิลปะคนละแขนงได้ผนวกความแตกต่างเหล่านั้นเข้าไว้ด้วยกันแล้ว
ซึ่งมีเทคนิคการนำเสนอที่เด่นชัดคือสัมพันธบท (intertexuality) หรือการเชื่อมโยงระหว่างตัวบทหนึ่งกับอีกตัวบทหนึ่งโดยเป็นการเชื่อมโยงตัวบทในอดีตกับตัวบทในปัจจุบันหากเป็นเช่นในอดีตการกระทำดังกล่าวอาจถูกมองว่าเป็นการลอกเลียนแต่สำหรับศิลปะในยุคหลังสมัยใหม่กลับมีความหมายถึงการอ้างถึงเพื่อเสริมประกอบหรือในบางครั้งก็อาจยกย่องก็เป็นได้
ทั้งนี้การนำของเก่ามาเล่าใหม่ก็อาจเป็นเพราะว่าศิลปะในยุคนี้ไม่มีสิ่งใดใหม่
หนังในอดีตก็คือ “ซูเปอร์มาร์เก็ตทางวัฒนธรรม”ที่จะจับจ่ายให้หยิบยืมมาใช้ได้ไม่มีสิ้นสุด(กำจร หลุยยะพงศ์ และสมสุข หินวิมาน. หลอน รัก สับสน ในหนังไทย ภาพยนตร์ไทยในรอบสามทศวรรษ37
35 ดารกา วงศ์ศิริ.“อลหม่านหลังบ้านทรายทอง.”(ออนไลน์) เข้าถึงได้จาก : http://www.dreambox.co.th,2543.
36 เรื่องเดียวกัน.
37 พ.ศ.2520-2547). กรุงเทพฯ: ศยาม, 2552. หน้า 204.)
36 เรื่องเดียวกัน.
37 พ.ศ.2520-2547). กรุงเทพฯ: ศยาม, 2552. หน้า 204.)
Cover Illustration by Pairpan Mathaprechakun
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น